Featured News
Posts List
Posts Slider
Health
-
ตาบอดสี ส่งผลต่อการใช้ชวิตประจำวันหรือไม่
ตาบอดสี เกิดจากอะไรและส่งผลต่อการใช้ชวิตประจำวันหรือไม่
ตาบอดสี คืออะไร ?
โรคตาบอดสี (Color Blindness) เป็นภาวะพร่องการมองเห็นสี ผู้ที่มีอาการตาบอดสีจะมีการมองเห็นสีบางสีได้ไม่ชัดเจนหรือผิดเพี้ยนไปจากผู้มีสายตาปกติ โดยส่วนใหญ่มักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ผู้ที่เป็นตาบอดสีจะยังคงมองเห็นภาพได้ชัดเจน แต่เห็นสีต่างๆ ผิดจากคนปกติ สีที่คนตาบอดสีเห็นจะกลายเป็นโทนสีเทาทั้งหมด และสีของภาพอาจมีการมองเห็นสลับสีกัน ได้แก่ ระหว่างสีเขียวกับสีน้ำเงิน สีแดงกับสีดำ สีเหลืองกับสีขาว บางรายอาจมีปัญหาเกี่ยวกับความไวต่อแสงของดวงตาอีกด้วย
ตาบอดสี เกิดจากอะไร?
สาเหตุของการเกิดโรคตาบอดสีนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ เป็นได้ตั้งแต่กำเนิด หรือเป็นได้ในภายหลัง ดังนี้
กรรมพันธุ์ เป็นสาเหตุหลักของตาบอดสีได้มากที่สุด หากบุคคลที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นตาบอดสีจะส่งต่อพันธุกรรมไปยังรุ่นต่อไปโดยการถ่ายทอดผ่านยีนด้อยบนโครโมโซมเพศชนิดเอ็กซ์ (Chromosome X) ซึ่งยีนโครโมโซมเพศนี้จะมีหน้าที่ในการกำหนดเพศชายหรือเพศหญิง โดยโครโมโซมเพศชายจะเป็นเอ็กซ์วาย (Chromosome XY) และเพศหญิงเป็นเอ็กซ์เอ็กซ์ (Chromosome XX) เมื่อตาบอดสีเป็นการถ่ายทอดผ่านบนโครโมโซมเอ็กซ์ จึงทำให้สามารถพบตาบอดสีในเพศชายได้มากกว่าเพศหญิงในรุ่นลูก ในขณะที่เพศหญิงอาจเป็นเพียงพาหะที่สามารถถ่ายทอดยีนที่ผิดปกติไปสู่ลูกหลานได้แทน นอกจากนี้ยังอาจเกิดการถ่ายทอดทางพันธุกรรมข้ามรุ่นได้ เช่น ตาเป็นตาบอดสี มารดาอาจเป็นพาหะ และพบตาบอดสีในหลานชายแทน
สาเหตุอื่น ในบางราย ตาบอดสีอาจเกิดได้จากสภาวะบางอย่างของร่างกาย เช่น
- อายุที่เพิ่มมากขึ้น อาจส่งผลให้เกิดการเสื่อมของเซลล์ได้ตามวัยที่เพิ่มมากขึ้น
- โรคเกี่ยวกับด้านดวงตาหรือการบาดเจ็บบริเวณจอตา เช่น โรคต้อหิน จอประสาทตาเสื่อม ต้อกระจก หรือการได้รับบาดเจ็บบริเวณดวงตา
- โรคอื่นๆ เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โรคเบาหวาน หรือโรคพาร์กินสัน
- ผลข้างเคียงของการใช้ยาบางชนิด
- การได้รับสารเคมีบางชนิดเป็นระยะเวลานาน เช่น คาร์บอนไดซัลไฟด์หรือสไตรีน อาจส่งผลต่อการสูญเสียการมองเห็นสี
อาการของโรคตาบอดสี
แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้
- ระดับน้อย สีภาพที่เห็นอาจไม่เหมือนคนทั่วไป แต่สามารถบอกได้ว่าน่าจะเป็นสีอะไร
- ระดับปานกลาง ความสามารถในการแยกสีน้อยลง
- ระดับรุนแรง เห็นทุกอย่างเป็นสีขาวกับดำ ซึ่งระดับนี้กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก
วิธีการทดสอบตาบอดสี
ผู้ที่ต้องการตรวจว่าเป็นโรคตาบอดสีหรือไม่ ควรเข้ารับการตรวจและปรึกษาจากจักษุแพทย์ ซึ่งวิธีวินิจฉัยโรคตาบอดสีมีอยู่หลายวิธี แตกต่างกันไป ได้แก่ แผ่นทดสอบอิชิฮารา (Ishihara plates), แบบทดสอบเคมบริดจ์ (Cambridge color test), การทดสอบด้วยเครื่อง Anomaloscope เป็นต้น
แผ่นทดสอบอิชิฮารา (Ishihara plates) เป็นวิธีการทดสอบที่พบได้มากและได้รับความนิยมมากที่สุด จัดเป็นการตรวจในระดับคัดกรอง (Screening) เพื่อดูว่าผู้เข้ารับการตรวจมีภาวะตาบอดสีหรือไม่ โดยผู้เข้ารับการตรวจจะได้ดูแผ่นภาพหรือแผ่นกระดาษหลายๆ หน้า โดยจุดสีที่ใช้จะเป็นสีที่คนตาบอดสีมักสับสน ถ้าสามารถอ่านและลากเส้นได้ถูกต้องทั้งหมดก็ถือว่าตาปกติ แต่ในคนตาบอดสีแดงซึ่งจะสับสนระหว่างสีแดงและสีน้ำเงินอมเขียว ถ้ามีตัวเลขสีแดงบนพื้นสีน้ำเงินอมเขียวก็จะทำให้มองไม่เห็นตัวเลขบนแผ่นทดสอบที่ซ่อนอยู่
การวินิจฉัยตาบอดสี
แพทย์หรือจักษุแพทย์จะวินิจฉัยผู้ป่วยโดยใช้แผ่นภาพทดสอบตาบอดสี เพื่อดูความสามารถในการแยกแยะสี ซึ่งรูปแบบแผ่นภาพที่ใช้ทดสอบมีอยู่หลากหลายประเภท แต่แผ่นทดสอบตาบอดสีที่นิยมใช้จะมีอยู่ 2 แบบ ได้แก่
- แผ่นภาพอิชิฮะระ (Ishihara) ในแต่ละภาพจะมีจุดสีที่ต่างกัน แพทย์จะให้ผู้ป่วยมองหาตัวเลขบนแผ่นภาพนั้นๆ หากผู้ที่เป็นตาบอดสีจะไม่สามารถบอกตัวเลขจากภาพได้ถูกต้อง วิธีนี้สามารถคัดกรองผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่สามารถบอกได้ถึงระดับความรุนแรงของตาบอดสี
- การเรียงเฉดสี (Color Arrangement) ผู้ป่วยจะต้องไล่เฉดสีที่กำหนดมาให้ โดยต้องไล่เฉดสีที่คล้ายกันให้อยู่ใกล้กันได้อย่างถูกต้อง หากผู้ป่วยเป็นตาบอดสีจะเกิดความสับสนในการเรียงสีให้ถูกต้อง
วิธีการทดสอบตาบอดสีโดยแผ่นทดสอบอิชิฮารา (Ishihara plates)
IMAGE SOURCE : thechromologist.com
ตาบอดสีกับผลกระทบในชีวิตประจำวัน
ในการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยตาบอดสีอาจมองเห็นสีผิดเพี้ยนไปบ้าง ซึ่งอาจเกิดความยุ่งยากในการตัดสินใจเกี่ยวกับเลือกสีของสิ่งของอยู่บ้าง ผู้ที่มีภาวะตาบอดสีมีหลายประเภท อาจจะมองไม่เห็นหรือจำแนกสีหนึ่งออกจากอีกสีได้ยาก เช่น สีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน สีเหลือง ทำให้สีที่เห็นผิดเพี้ยนไป หรือในคนที่ตาบอดทุกสีหรือตาบอดสีระดับรุนแรง จะทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ เป็นสีขาวดำ ตาบอดสีส่งผลกระทบอย่างไรในแต่ละอาชีพ?
- วัยเด็ก – วัยเรียน มีผลกระทบต่อเรื่องของการเรียนศิลปะ การประเมินพัฒนาการด้านภาษา และพัฒนาการในการเรียนรู้
- งานที่ผู้ทึ่มีภาวะตาบอดสีควรหลีกเลี่ยงได้แก่ งานด้านเคมี จิตรกร นักบิน ช่างอิเทคโทรนิกส์ หรืองานที่ต้องมีการใช้สีเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงสิ่งต่างๆ
- ผู้ที่มีภาวะตาบอดสีสามารถสอบใบขับขี่ได้ หากสามารถบอกความแตกต่างของสัญญาณไฟจราจรได้อย่างถูกต้อง และผ่านเกณฑ์ประเมินอื่นๆ
ตาบอดสีรักษาได้ไหม และเกิดภาวะแทรกซ้อนของตาบอดสีหรือไม่
สำหรับผู้ที่เป็นตาบอดสีโดยกรรมพันธุ์ไม่สามารถรักษาให้หายกลับมาเป็นปกติได้ โดยหากผู้ป่วยทราบว่าตนเองเป็นตาบอดสีแต่กรรมพันธุ์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางป้องกันการเกิดภาวะตาบอดสีในเครือญาติ ในกรณีที่ไม่เป็นตาบอดสีแต่กำเนิด ควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุการเกิดตาบอดสี เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
จักษุแพทย์อาจมีการแนะนำให้ผู้ป่วยตาบอดสี สวมแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ที่มีเลนส์กรองแสงบางสีออกไป ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยมองเห็นสีได้ชัดขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้ผู้ป่วยมองเห็นสีได้เหมือนคนปกติ
ผู้ที่เป็นตาบอดสี สามารถทำเลสิคได้ (LASIK) ได้ เช่นเดียวกันกับผู้ที่มีสภาวะตาปกติทั่วไป แต่การรักษาด้วยวิธีการทำเลสิค เป็นการรักษาอาการสายตาผิดปกติ สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียงเท่านั้น ไม่สามารถช่วยรักษาโรคตาบอดสีได้
การตรวจิวินิจฉัยโรคตาบอดสี ควรตรวจคัดกรองตาบอดสีตั้งแต่เนิ่นๆ โดยแนะนำที่อายุ 4 บวขครึ่ง เพื่อป้องกันการเกิดภาวะช็อคเมื่อตนเองตาบอดสี ซึ่งจะทำให้เกิดช้อจำกัดต่างๆ ในการดำเนินชีวิต และการพบว่าเป็นโรคตาบอดสีได้เร็ว จะช่วยในการวางแผนการรักษาและวางแผนการใช้ชีวิตได้ดี
ภาวะแทรกซ้อนของตาบอดสี
ตาบอดสีแทบไม่พบภาวะแทรกซ้อน แต่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงร้ายแรง โดยเฉพาะอาชีพในบางลักษณะที่ต้องอาศัยการแยกและจดจำสีในการทำงาน เช่น พนักงานขับรถ นักบิน เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ช่างเทคนิคในห้องปฏิบัติการประจำโรงพยาบาลและเภสัชกร หรือผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับการถ่ายภาพ นอกจากนี้ยังอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการในการเรียนรู้สำหรับผู้ป่วยที่เป็นเด็ก
3 เคล็ดลับ การสอบใบขับขี่สำหรับคนตาบอดสี
การสอบใบขับขี่ในประเทศไทยสำหรับคนตาบอดสี นับว่ายังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ บางขนส่งก็อะลุ่มอล่วย บางขนส่งก็เข้มงวด จะดีกว่ามั้ยถ้ามีเคล็ดลับในการพิชิตใบขับขี่ฉบับคนตาบอดสี ทุกคนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้เลยถ้าเดินตามแผนนี้
1.ต้องแยกสัญญาณไฟจราจรได้
ถือว่าเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดในการทำใบขับขี่เลยก็ว่าได้ เพราะถ้าดูไฟจราจรไม่ออกนั่นหมายถึงเรามีความเสี่ยงในการขับขี่ และนำไปสู่อุบัติเหตุในท้องถนนได้ แต่เรื่องที่น่าตลกก็คือ คนตาบอดสีหลายๆ คน สามารถแยกไฟจราจรได้ แต่เมื่อเวลาไปสอบที่ขนส่ง แบบทดสอบปราบเซียนที่จะมาดับฝันเราก็คือ แบบทดสอบ Ishihara ซึ่งเป็นจุดสีหลายๆสีคละกันไป และร้อยเรียงเป็นตัวเลข คนตาบอดสีจะสอบตกกันทุกคน สิ่งสำคัญที่เราต้องทำเมื่อเราเจอแบบทดสอบนี้ก็คือ ขอร้องให้เจ้าหน้าที่ให้เราสอบแยกสีกับสัญญาณไฟจราจรจำลอง ซึ่งมันจะเหมือนกับเราดูไฟจราจรของจริง ไม่มีเฉดสีอื่นมารบกวน
2. ต้องสามารถทนต่อการโดนปฏิเสธ
ต้องยอมรับเลยว่าในสังคมไทยทุกวันนี้ยังเข้าใจผิดเรื่องคนตาบอดสีเป็นจำนวนมาก บางคนเข้าใจว่า คนที่ตาบอดสีจะมองภาพเป็นสีขาวดำแต่จริงๆ แล้ว พวกคนตาบอดสี พวกเค้ายังคงมองเห็นสีอยู่ แต่จะแยกสีลำบากในบางเฉดสี ดังนั้นถ้าเรามีอาการตาบอดสีแล้วไปสอบใบขับขี่ จะต้องโดนปฏิเสธไว้ก่อนเลย ต้องทำใจยอมรับให้ได้ และอธิบายพวกเจ้าหน้าที่ให้ทราบว่า เราขับรถได้ แยกสัญญาณไฟจราจรได้ แต่ไม่อารมณ์เสียตามพวกเค้าไป มนุษย์เราสิ่งที่น่ากลัวพอๆ กับความตายก็คือการโดนสังคมปฏิเสธ ดังนั้นต้องปลงกับเรื่องนี้ให้ได้ และฝ่าฝันกันต่อไป
3. สอบไปเรื่อยๆ สักวันต้องเป็นวันของเรา
“ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” คำนี้ยังคงใช้ได้กับทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องนี้ วันนี้สอบตกที่ขนส่งจังหวัดนี้ ครั้งหน้ามาใหม่ หรือเปลี่ยนที่แล้วก็ขอให้พยายามต่อไปอยู่ภายใต้เคล็ดลับเหล่านี้
ตาบอดสี ยังไม่สามารถป้องกันการเกิดได้อย่างเต็มที่ แต่สามารถเลี่ยงหรือลดโอกาสการเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ในวัยเด็ก โดยควรมีการตรวจคัดกรองตาบอดสีและทดสอบสายตาในเด็กอายุประมาณ 3-5 ขวบ หรือเด็กควรได้รับการตรวจสายตาอย่างน้อย 1 ครั้งก่อนเข้าโรงเรียน แต่หากเป็นบุคคลที่มีคนในครอบครัวเป็นตาบอดสี ควรมีการตรวจเช็คสายตาอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ผู้ที่ไม่มีประวัติเกี่ยวข้องกับบุคคลที่เป็นตาบอดสี ควรสังเกตความผิดปกติของสายตาตนเองเช่นกัน เนื่องจากตาบอดสีเกิดได้จากสาเหตุอื่น เมื่อสงสัยว่ามีปัญหาทางด้านสายตาหรือการมองเห็นสีที่ผิดปกติไป ควรรีบไปพบแพทย์หรือจักษุแพทย์ เพื่อค้นหาต้นเหตุความผิดปกติและได้รับการแก้ไขอย่างถูกวิธี
ที่มา
- https://www.sikarin.com/health/
- https://www.pobpad.com/
- https://intrend.trueid.net/
- https://www.pexels.com/th-th/photo/853457/
ติดตามอ่านเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่ vikings360.com
สนุนสนุนโดย ufabet369
Economy
-
GDP คืออะไร? ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจที่นักลงทุนควรรู้จัก
หากพูดถึงภาพรวมเศรษฐกิจในภาพรวม มักจะดูที่ GDP กัน คงจะได้ยินคำนี้กันบ่อยๆ แต่GDPคืออะไร สำคัญยังไง สามารถติดตามได้ในบทความนี้
GDP คืออะไร?
GDPย่อมาจาก Gross Domestic Product หรือแปลเป็นไทยว่าผลิตภัณฑ์รวมในประเทศ แปลจากไทยเป็นไทยอีกที คือ การที่นับรายได้ที่เกิดขึ้นจากในประเทศเท่านั้น ไม่ว่าจะสัญชาติใดก็ตาม โดยGDP ประเทศไทย จะนับการคำนวณเฉพาะรายได้ที่เกิดขึ้นในไทยเท่านั้น แต่ถ้าเป็นคนไทย แล้วมีรายได้ที่ต่างประเทศ ไม่นับนะจ๊ะ อันนั้นเรียก GNP : Gross National Product ที่จะนับเฉพาะรายได้จากคนไทยเท่านั้น ไม่ว่าจะอยู่ประเทศใดในโลกนี้ก็ตาม
แล้วGDP เอาไว้ทำอะไร ?GDPเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจในการศึกษาเปรียบเทียบถึงอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยใช้ข้อมูลจากการศึกษาเปรียบเทียบในการวางแผนและกำหนดนโยบายต่าง ๆ สำหรับพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศ
การคำนวณ GDP มีกี่วิธี ?
การคำนวณGDPจะมี 3 วิธีด้วยกัน ได้แก่
ด้านรายได้: เป็นการคำนวณGDPโดยการรวมรายได้ประเภทต่าง ๆ ที่บุคคลได้รับในฐานะเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตในรอบระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง
ด้านรายจ่าย: เป็นการคำนวณGDPโดยการนำรายจ่ายของครัวเรือนในการซื้อสินค้าและบริการขั้นสุดท้ายรวมกันในระยะเวลา 1 ปี
ด้านผลผลิต: เป็นการคำนวณGDPโดยการรวมมูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจจะเป็นตัววัดมูลค่าของสินค้าและบริการ
GDP ด้านรายจ่ายประกอบด้วยอะไรบ้าง?
C = Consumption คือ การบริโภคของภาคเอกชนและประชาชน เป็นการจับจ่ายใช้สอยทั่วไป เช่น ค่าอาหาร สาธาณูปโภค เป็นต้น
I = Investment คือ การลงทุนของภาคเอกชน ในการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ ถนนทางเดิน รถไฟฟ้า ฯลฯ
G = Government Spending คือ การใช้จ่ายของรัฐบาล หรือ การลงทุนภาครัฐ ตามนโยบายต่างๆ
X = Export คือ การส่งออก (ขายสินค้าให้กับต่างประเทศ)
M = Import คือ การนำเข้า (รับสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย)
ค่าGDP เป็นบวก / เป็นลบ
ถ้าค่าGDP เป็นบวก แสดงถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่มีการเติบโตขึ้น มีเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น แต่สิ่งที่อาจตามมาได้ คือ อัตราเงินเฟ้อที่จะสูงขึ้นได้เช่นกัน เพราะเมื่อคนมีความต้องการซื้อกันมากขึ้น สามารถดันให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นมาได้
เวลาที่ยี่ห้อโทรศัพท์มือถือดังๆ ประกาศว่าจะมีรุ่นใหม่ออกมา สื่อออนไลน์ต่างๆ จะพร้อมใจกันออกข่าวเกี่ยวกับโทรศัพท์รุ่นนี้ เพื่อเป็นข้อมูลให้กับคนอ่านที่สนใจ และในวันที่ประกาศขายเป็นวันแรก คนจำนวนมากอาจจะแห่กันไปซื้อ จนต้องต่อคิวกันเลยทีเดียว เรียกว่าเป็นช่วงที่สามารถตั้งราคาสูงได้ เพราะรู้ว่ามีคนต้องการซื้อแน่นอน
ถ้าค่าGDP เป็นลบ แสดงถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัวเลง มีเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศลดลง เกิดจากกอะไร ขอกลับไปที่ตัวอย่างโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังอีกครั้งค่ะ
คาดการณ์GDP ปี 2023 ประเทศมหาอำนาจเศรษฐกิจโลก จะเติบโตเท่าไร
OECD (Organization for Economic Co-operation and Development) หรือ องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ เปิดเผยรายงาน OECD Economic Outlook ประจำเดือนมิถุนายน 2023
คาดการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกปี 2023 คาดจะมีGDP เติบโตเฉลี่ยที่ 2.7% ถือเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกปี 2008 หากไม่นับช่วงการระบาดของ Covid-19 ในปี 2020
แม้ว่าเศรษฐกิจโลกมีสัญญาณดีขึ้น แต่ขาขึ้นยังคงเปราะบาง ท่ามกลางแรงกดดันของเงินเฟ้อที่คงอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) ที่หักสินค้าในหมวดอาหารสดและพลังงานออกไป
อย่างไรก็ดี มองว่าเศรษฐกิจโลกจะค่อย ๆ ดีขึ้นตั้งแต่ปี 2024 ที่คาดว่าจะเติบโต 2.9% เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อลดลง และรายได้ที่แท้จริงแข็งแกร่งขึ้น
ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
Disney Dreamlight Valley วิธีทำภารกิจ Hakuna Matata
น้ำท่วมในนิวซีแลนด์: ความกลัวว่าจะเกิดความเสียหาย
ปัดข่าวเซ็นโบคา!พี่ชายบอกใบ้ทีมใหม่คาวานี่
อยู่ด้วยกันยากแล้ว!แฟนแมนยูส่วนใหญ่รุมสับโรนัลโด้
ติดตามข่าวอื่นๆได้ที่ https://www.vikings360.com/
สนับสนุนโดย ufabet369
ที่มา www.finnomena.com
Latest News
วิลเลียมส์ ของเดนเวอร์ บร็องโก้ส์ ยืนยันพร้อมสำหรับเทรนนิ่งแคมป์
วิลเลียมส์ ของเดนเวอร์ บร...
NatWest, Lloyds, Barclays และ HSBC ท่ามกลางธนาคารต่างๆ
NatWest, Lloyds, Barclays...